เพลงรั..

 

ฉันว่าจะแต่งเพลงรัก ที่ไม่มีคำว่ารักในนั้น
โอ๊ะโอ แล้วคำว่ารักในวรรคแรกนั่น
มันอะไรกัน

ฉันเลยร้องว่า
จะแต่งเพลง ที่ไม่มีคำว่ารั..
อ๊ะอา~ ลัล ลัล ลา

ฉันคงได้แค่ฮัม เพราะว่ามันไม่มีคำใด
จะสวยงามพอ
และเจ็บปวด
ได้มากกว่าคำว่ารั..
ลัล ลา ลา~

เป็นเพลงสุดท้ายที่เขียนให้เธอ
ก่อนจะละเมอฆ่าตัวตาย

เป็นเพลงสุดท้ายที่ฉันละเมอ
ก่อนจะร้องออกมาว่ารั..เธอ

ฮัม ลา ลัม
ก็เพราะมันเป็นแค่เพลง
ก็เพราะไม่มีคนบรรเลง
และเพราะไม่มีใคร
ฉันเลยต้องร้องมันออกไปเอง
แม้ฉันจะร้องไม่เป็นเพลง
และหมดปัญญาจะหาคำสระเอง

เอ้า! ดนตรี
จงทำหน้าที่

บรรเลง

 

 

.

กลืน

กลืนคำคำบางคำลงไปก่อน

ให้มันนอนพักผ่อนในท้อง

กลืนความจริงลงไปก่อน

เรายังไม่ต้องการอาหารเก่า

ที่เน่าคาลำไส้

ที่หมดสิ้นเยื่อใยในรสชาติ

กลืนคำถามนั่นลงไปด้วย

แล้วกินน้ำตาม

กันอาการระคายคอ

แล้วบอกตัวเองว่า – พอ

เราไม่อยากรู้

เราไม่อยากเห็น

บอกตัวเองว่าไม่

ไม่!

ไม่!

ไม่..

อะไรนะ

ลืมเสียแล้ว

กลืนเลือดขมๆ ลงไป

เราไม่ใช่พระเอกหนังจีน

เราไม่มีกำลังภายใน

เราไม่มีพลังภายนอก

เราไม่เหลือเรี่ยวแรง

เลือดก็มีน้อยเกินกว่าจะกระอักทิ้ง

เปล่าๆ ปลี้ๆ

กลืนลงไปเสียดีดี

ไม่ขมเท่าไหร่

แค่ขื่นๆ พอชื่นใจ

กลืนความมืดลงไป

ในฝันกลางวัน

ก่อนความหลับจะกลืนเราเข้าไปทั้งตัว

ก่อนจะละเมอเป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่ง

คุณก็รู้ ใครก็รู้ ทุกคนต่างก็รู้ ว่ามันไม่จริง

แต่ใครจะรู้

ว่ามันมีอยู่จริง

กลืนลงไป

แล้วคายออกมา

ความไว้ใจ

ความไว้ใจ
เหมือนการซ้อนมอไซวินเข้าซอยแหละครับ

บางทีก็เสี่ยงภัย
แต่เพราะไว้ใจพี่วิน ว่าถ้าเจ็บก็เจ็บด้วยกันนะ!
ทุกครั้งที่ผ่านมาผมเลยปลอดภัย
ทิ้งโค้งฉวัดเฉวียนแค่ไหนก็ไม่ต้องเกร็ง
แม้ยามดึกดื่นพี่วินจะมีกลิ่นเบียร์ช้างลอยจางๆ ในลมหายใจ
แต่ผมก็ไว้ใจ

แต่ความไว้ใจก็ช่างเปราะบาง
พี่วินคนหนึ่งขับขี่แซงซ้าย
ผมต๊กกะใจ จากง่วงๆ กลายเป็นตาสว่างเบิกโพลง
กระบะคันเขื่องเฉี่ยวจมูกไปติ๊ดเดียว
แต่พี่วินดูชิลชิล

ที่คอพี่มีตะกรุดหลวงปู่อันเขื่องคล้องคอ
โอ้ นี่สินะ สิ่งที่พี่ไว้ใจ

สมมติถ้ารถคว่ำ
ผมกะพี่คงนอนกลิ้งเล่นกลางถนน
หลวงปู่จะเผื่อแผ่ความคงกระพันให้ผมด้วยมั้ย?

ผมควรจะหาตะกรุดหลวงปู่มาใส่อีกอัน
แต่มันคงจะหนักคอเกินไป

ขอลงตรงปากซอยละกันครับ

หนทางและที่พักพิง

วันนี้มีงานแถลงข่าว (?) ของหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ร้านป้านงค์ ซึ่งเรื่องทั้งหมดก็เริ่มที่วงเหล้า ณ ร้านป้านงค์นี่แหละ

ไปๆ มาๆ มันก็ออกมาเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม แต่เรื่องที่จะเล่าไม่เกี่ยวอะไรกับหนังสือเล่มนั้น…

.

ได้เจอคนคุ้นเคยหลายคน แปลกหน้า(สำหรับเรา)หลายคน
ช่วงท้ายๆ ของวงเหล้า เราถูกถามอย่างเนิบๆ ถึงหลายสิ่งหลายอย่าง

ต้องยอมรับว่ามันก็เป็นคำถามที่เราถามตัวเองมาอยู่ทุกบ่อย: ทำอะไรอยู่ และกำลังจะทำอะไรต่อไป แน่ใจแค่ไหนกัน

.

วันนี้เราเจอกวีสองสามคน คนหนึ่งหอบหนังสือของตัวเองเล่มใหม่มาฝากพี่ๆ เป็นรวมบทกวีเล่มบางๆ ชื่อว่า ‘หนทางและที่พักพิง’

.

เรายังไม่ได้อ่าน และคิดว่าคงยากที่จะได้อ่าน (ผมแพ้บทกวี) แต่ชอบชื่อหนังสือนี้มาก

.

หนทาง – เป็นคำถามอมตะ ที่ไม่ว่าจะเดินอยู่ นั่งพักอยู่ หรือหลับใหลไม่รู้เรื่อง เราก็สับสนในหนทางเสมอ

ที่พักพิง – เป็นสิ่งที่เราต้องการ และบางทีเราเองก็ต้องเป็นที่พักพิงของบางคน บางสิ่ง เช่นกัน

.

หนทางและที่พักพิง เหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเราคิดว่าพร้อมจะสละทุกอย่าง…เพื่อมัน

แต่คิดอีกที (ในขณะนี้ ที่สติสัมปชัญญะเหนื่อยล้าเกินไป) เราจะสละอะไรเพื่อหนทางได้ล่ะ

เช่นกัน – เราจะทิ้งอะไรได้ล่ะเพื่อจะพักพิง

.

บางทีมันก็ยากเกินไปที่จะเข้าใจ

บางทีมันก็ยากเกินไปที่จะจริงใจต่อความรู้สึก

บางทีมันก็ป่วยการที่จะคิดอะไรในขณะมึนเมา

ต่อให้สมองสดใสก็ใช่ว่า ‘ความคิด’ จะช่วยเราได้

.

แต่คำถามเหล่านั้น จากพี่คนนั้น ก็เป็นคำถามที่มีตัวตนจริงๆ

คำถามที่จะจู่โจมเราเสมอในยามหัวใจอ่อนแอ และไม่แน่ใจในเส้นทาง

.

เราไม่อยากจะหลงทางบ่อยๆ นักหรอก

และบางทีมันก็ยากเหลือเกิน

กว่าจะพบเจอหัวไหล่ที่เราพร้อมจะทิ้งกายลงพักพิง

.

ภาชนะ

ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กินกาแฟ แต่หัวใจก็เต้นรัวเกินกว่าที่ควร
และก็คล้ายกับว่าประสาทสัมผัสจะตื่นตัวมากกว่าที่เป็น
ถึงได้ยิน ได้เห็น และได้กลิ่นต่างๆ ชัดเจน

เป็นภาชนะกลวงเปล่า ที่น้อมรับของเหลวต่างๆ อย่างเจียมตัว
สมยอมให้ทุกความรู้สึกไหลหลั่งมาปะทะ
ก็น่าแปลกที่รู้สึกอะไรอย่างนั้น
…หรือว่าเป็นเพราะตื่นเช้า?

นั่นล่ะ สิ่งที่เกิดขึ้น
ในบรรยากาศสีหม่น และความป่วยไข้ที่อยู่คู่กับร่างกาย
…และบางทีรวมไปถึงจิตใจ
แกว่งไกวไปมาตามแรงเหวี่ยงมากมาย ที่เราไม่เคยเข้าใจมันได้เสียที

เป็นภาชนะกลวงเปล่า ที่รู้สึกว่าน้ำบริสุทธิ์กลั่นตัวออกมาจากผิวเนื้อดินเผา
การกลั่น — ปรากฏการณ์เมื่ออุณหภูมิภายนอกภายในแตกต่างกัน

ร้อนเพราะอารมณ์สีหนึ่ง
เย็นเพราะอารมณ์อีกสีหนึ่ง

โดยไม่ทันรู้ตัว หยดน้ำก็ผุดพรายออกมาจากพื้นผิว

เราไม่ใช่ภาชนะกลวงเปล่าอีกต่อไป

แต่ใครจะรู้ได้
ว่าน้ำใสๆ ที่บรรจุไว้…
นั้นชื่นใจ
หรือว่ามีพิษ

.

blah blah blah

you hide yourself behind thick make up
and blah blah blah..
please shut up

i hid myself behind the wall
made a door
then locked it down

you hide yourself behind good manner
of course you such a good people
of course we such a bad couple

we hide ourself behind each other
then try to seperate
what’s yours, what’s mine
always hard to find a missing part

we should play hide ‘n seek
we can be a good hider
no one can be a good seeker
then we can say goodbye forever

.

dark comedy

เป็นตัวตลกที่เล่นกลในความมืด

กลแล้วกลเล่าผ่านพ้นไป

ไม่ปรากฎเสียงหัวเราะใดใด

ตัวตลกย่อมไม่ส่งเสียง

เขาเล่นเพียงละครใบ้

ด้วยท่าทางน่าขบขัน

อันร้างไร้ผู้ชม

อันร้างไร้ผู้ฟัง

เป็นเรื่องบันเทิงในมุมมืด

เป็นหน้าที่ที่พึงกระทำ

ของตัวตลกในเต็นท์ละครสัตว์ที่ไฟดับ

เป็นเรื่องตลกในความฝันร้ายกาจของผู้ใหญ่

ผู้ซึ่งไม่สามารถจะหัวเราะอะไรได้อีก

ผู้ซึ่งไม่สามารถแย้มยิ้มกับสิ่งใดได้อีก

แต่ตัวตลกก็ยังคงเล่นตลก

ในความมืดที่ไม่มีผู้ใดหัวเราะ

แต่ตัวตลกก็ยังคงเล่นตลก

เหมือนดั่งภารกิจศักดิ์สิทธ์

ที่ใครใครไม่สมควรหัวเราะเยาะ

.

เขียนใน verse

วิกฤติกลางคืน

ส่วนมากเราก็หมายความตามที่พูด
แต่บางทีเราก็หมายความอย่างที่ไม่ได้พูด
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่ใช่คำโกหก
และก็ไม่ใช่การเล่นสำนวนเพื่อความบันเทิงเริงใจ

เราอาจจะแค่ล้มเหลวในการสื่อสารเรื่องราวบางอย่างที่ยาก — เกินไป

หากจะโกหก
เราต้องรู้เสียก่อนว่าความจริงตรงข้ามคืออะไร
แต่เราก็ไม่รู้

เอาเข้าจริงก็ไม่รู้อะไรเลย

– – –

เหมือนเรื่องเล่า ที่ถูกจำกัดด้วยมุมมอง จากจุดมองหนึ่ง
ตรงจุดนั้น มีใครสักคนยืนอยู่

ผู้สังเกตการณ์ไม่สามารถสังเกตตนเองได้
เพียงแค่เงาสะท้อนคลับคล้ายคลับคลา
เราจะเห็นอะไรในกระจกเงาได้บ้าง
นอกจากภาพกลับซ้ายเป็นขวา และใบหน้านิ่งเฉย

ลองมองตนเองอย่างปกติ
แล้วจะเห็นว่าไม่คุ้นเลย

– – –

แปลกหน้าเสียจนนึกว่าฝันไป

ลิงขี้เบื่อ

.

นี่คือเรื่องราว

ของคุณ

ของผม

ชองฉัน

ของมัน

บทซ้ำ

เรื่องเดียวกัน

.

เป็นเรื่องน่าเบื่อเหมือนกัน

ที่พูดอะไรซ้ำ ซ้ำ

ช้ำ

ช้ำ

เป็นจ้ำ

จ้ำ

และไม่ได้นำไปสู่จุดหมาย

ใดใด

.

มีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟัง?

ใช่ มีเรื่องราว

แต่ไม่แน่ใจว่าจะเล่าอย่างไร

ถึงจะเรียกได้ว่าตรงไปตรงมา

ถึงจะนำพาเนื้อหา

.

ผสมผเสระหว่าง

เรื่องของผม

เรื่องของฉัน

เรื่องของเธอ

เรื่องของมัน

และเรื่องอื่นๆ

.

ในความมืดมิดของความฝัน

หรือเมฆหมอกยามกลางวัน

บางคนพล่ามเรื่องตัวเอง

เป็นสิ่งที่น่าเบื่ออย่างร้ายกาจ

.

โลกใบนี้เสียงดังเกินไปหรือยัง

เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด

ที่สงสัยอยู่นั่นแล้ว

ว่ามีบางอย่างผิดพลาด

.

เล่าให้คุณฟัง

.

ถึงวันต่อวัน

ที่ดาหน้าเข้ามา

ในคืนทุกคืน

ที่ลืมตา

.

เบื่อหรือยัง?

เบื่อหรือยัง?

.

เล่าให้ฉันฟัง

.

ถึงความรู้สึกหลากสีสัน

ที่สำรอกออกมา

เป็นอาหาร

แล้วกินกลับเข้าไป

จนอิ่มเอม

.

เบื่อหรือยัง?

.

เล่าให้เราฟัง

.

ดั่งคำสารภาพ

อย่างสัตย์ซื่อ

ถึงสิ่งที่เรายึดถือ

ถึงสองมือจะด้วนกุด

ถึงสิ่งที่เราใฝ่ฝัน

ถึงมันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น

.

เบื่อก็ช่าง

ไม่เบื่อก็ช่าง

.

เป็นตัวอักษร

ที่เรียงกันด้วยสัญชาตญาณอย่างลิง

เป็นตัวอักษร

ของผู้ยืนสองขา

และถูกฝึกสอนให้อยู่นิ่ง

และถูกฝึกสอน

ให้เรียนรู้วิธีทิ้ง

.

และวิธี

ถูกทิ้ง

.

.

แต่หลายสิ่งก็ยังผิด

และพลาด

และประหลาด

เกินสมองลิง

.

.

.

.

.

.

เฮ่อ

.

.

fall monkey2

เขียนใน verse

ทำอาร์ตอย่างหมี

ช่วงนี้ยุ่งชิบหายเลยครับ จมอยู่กับงานที่ต้องทำ จนมองเห็นบางสิ่งบางอย่างในนั้นเหมือนกันนะ

– – –

มันจะแยกได้สักสามส่วนคร่าวๆ

หนึ่ง, คืองานใช้สมองและจินตนาการ อย่างเช่นการทำภาพประกอบ คิดคอนเซปท์ คิดแบบปกหนังสือ และอะไรทำนองนั้น

สอง, คืองานวางระบบ จัดการ เช่นการวางกริดสำหรับ lay out หรือการคิดว่างานทั้งเล่มจะมีลำดับอย่างไร

ส่วนที่เหลือคืองานกรรมกรกราฟิก อันได้แก่การวาง text ลงในกริดที่คิดเสร็จแล้ว นั่งเคาะนั่งขยับมันให้ลงล็อกของมัน งานอีดิท text งานจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นเรื่องทางเทคนิค เช่น การรีทัชภาพ การแปลงไฟล์ให้เป็นงานพร้อมพิมพ์ ฯลฯ

– – –

คนที่มีอารมณ์ศิลปินในหัวใจเต็มเปี่ยม ก็จะสามารถทำงานข้อหนึ่งได้อย่างไหลลื่นปรู๊ดปร๊าด ไม่ต้องเค้นไม่ต้องคั้น

คนที่มีระบบระเบียบ ก็จะสามารถทำงานข้องสองได้อย่างไหลลื่น ไม่ต้องมาประสบการทำแล้วรื้อ ทำแล้วแก้ แล้วก็รื้อ แล้วก็แก้ อย่างที่ข้าพเจ้าทำ

คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับมันมานานพอสมควร ก็จะทำงานในข้อที่สามได้อย่างราบรื่น เพราะมันเป็นงานเชิงทักษะที่ต้องอาศัยเวลาสั่งสม

– – –

งานข้อหนึ่งสนุกที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับสภาพอารมณ์เป็นสำคัญ
จิตใจที่ปลอดโปร่งโล่งเบาสำคัญมาก…ซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะเป็นอย่างนั้นหรอก

– – –

ตอนนี้..
ผมก็อยากเป็นแค่หมีที่จำศีลในฤดูหนาว

ขยับร่างกายเพียงเท่าที่จำเป็น ทำงานกรรมกรโดยไม่ต้องคิดอะไร