ในวันเดินทาง

20022010
.

.

.

วันนี้ฉันตื่นเช้า
พยากรณ์อากาศด้วยอารมณ์ความรู้สึก ว่ามันจะสดใส
ใช่ มันสดใส

ฉันปั่นจักรยานออกไปช้าๆ บนถนนในยามเช้า เตรียมน้ำเปล่าหนึ่งขวดและขนมปังหนึ่งก้อน บนถนนระอุด้วยไอร้อนจากเครื่องยนต์ บนผิวกายระอุด้วยไอร้อนจากการสันดาปพลังงานของมื้อค่ำวันก่อน

เมื่อคืนเรากินอะไรนะ เรากินอะไรอะไรมามากมายทั้งชีวิต แปรเป็นพลังงานในการดำรงชีพ ระบายออกไปกับการถอนหายใจเป็นส่วนใหญ่ ทำอะไรอะไรมีคุณค่าเป็นส่วนน้อย

สองข้างทางมีอะไรบ้าง สองข้างทางมีคนมากมายที่เราผ่านไป บางคนเรายิ้มให้ บางคนเราชูนิ้วกลางใส่ คนส่วนมากเป็นคนแปลกหน้า แต่แม้จะเป็นเพียงคนแปลกหน้า การยิ้มให้ก็ย่อมดีกว่าชูนิ้วกลางใส่แน่นอน

สองข้างทางผ่านมาแล้วผ่านไป ทุกคนรักษาระดับความเร็วตามแต่พอเหมาะของตนเอง

บนท้องถนนมีคนตัวเล็กๆ ที่กำลังรีบไปยังจุดนัด พลังงานแห่งชีวิตใช้ไปในการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง แล้วเคลื่อนไปยังจุดต่อไป ต่อไป และต่อไป

จุดหมายของเธอคืออะไร บางทีฉันสงสัย
จุดหมายของฉันในวันนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล เพียงแค่สวนรถไฟ

สี่สิบห้านาทีผ่านไป ฉันมาถึงเขตของสวน ความเครียดค่อยๆ คลายจากกล้ามเนื้อ สูดลมหายใจลึกลงโดยอัตโนมัติ หัวใจผ่อนปรนจังหวะการเต้น ได้ยินเสียงนกร้องบนต้นไม้

บนทางจักรยานมีคนหลากวัยเดินบ้างวิ่งบ้างปั่นบ้าง ที่นี่ส่วนมากยิ้มให้กัน ยังไม่เห็นใครชูนิ้วกลาง มีเสียงกรุ๊งกริ๊งมาตามทาง เสือหมอบพุ่งผ่านขอทาง

นั่งลงสักหน่อย เคี้ยวขนมปังหนึ่งก้อนนั้นและน้ำเปล่าอีกสักขวด

ฉันเพียงละเลียดเวลาอ้อยอิ่งอย่างช้าช้า ฟ้าครึ้มเมฆหม่นอั้นฝนเอาไว้ ตกลงมาเถิดถ้าหากแบกไว้ไม่ไหว ฉันยินดีจะเปียกเพราะวันนี้ไม่มีอะไร

วันนี้ไม่มีอะไร

ฝนไม่ตก แดดยังส่องรำไร อากาศมีสีเทาทาทับจางๆ แต่สดใส ใครสักคนอาจจะรู้สึกดี นั่นพลอยทำให้ใครอีกหลายคนรู้สึกดีเช่นกัน

ความสดใสในอากาศ ความไร้แก่นสารของหยดเหงื่อ สีสันนานาของความทรงจำ

ประตูของอาณาจักรแห่งยามเช้ากำลังจะปิด สมควรแก่เวลาที่จะเดินทางกลับ ฉันอำลาต้นไม้ทุกต้น นกทุกตัวที่หลบหน้าบนกิ่งไม้ บ๊ายบายยามเช้า

เมื่อเอ่ยคำลาก็พลันนึกถึงคำลาที่ได้รับมาเมื่อเช้าวันเสาร์

bye bye

นกน้อยบินออกจากกรง ไปสู่โลกกว้างใหญ่

นก โปรดรักษาตัว , เดี๋ยวเราก็เจอกันอีก…

เมื่อออกเดินทางมาไกลเท่าไร ขากลับก็ควรจะเป็นระยะเท่าเดิม แต่มันใกล้กว่าในความรู้สึก เสียงนกร้องบนต้นไม้เบื้องหลังหายไปเร็วเหลือเกิน บนถนนลาดพร้าว เผลอแป๊บเดียวฉันเห็นเลขบนป้ายเป็น 25 อีกสักพักเป็นห้าสิบกว่า

พอผ่านแยกเลียบทางด่วนเห็นเลขเจ็ดสิบเอ็ดฉันเริ่มหมดแรง

วันนี้ไม่มีอะไร

ถึงบ้าน เหงื่อโซมกาย ลมหายใจมีไอร้อนพรั่งพรู ฝนที่อั้นไว้นานเพิ่งหยดลงมาเม็ดแรก

และ เม็ดถัดมา.. ถัดมา.. ถัดมา..

หลายครั้งฝนเหมือนคนร้องไห้ แต่ในบางครั้งหยดฝนก็มีความร่าเริงในนั้น

เวลานี้คงสุดจะกลั้น ฟ้าร้องไห้

น่าแปลก

ฟ้าวันนี้ร้องไห้แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

.

.

.

ป.ล. กลับบ้านมาเจอ Spirited Away พอดี แล้วก็ละสายตาไม่ได้ ดูจนจบเรื่อง (เป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้)
ฉากที่ฉันชอบที่สุดยังคงเป็นขบวนรถไฟบนผืนน้ำสีครามขบวนนั้น และชานชลาที่นักเดินทางไร้หน้า–ค่อยๆ ก้าวลง
รถไฟเคลื่อนขบวน..

2 ความเห็นบน “ในวันเดินทาง”

ใส่ความเห็น